สำหรับการทำทรีทเม้นท์บริเวณใบหน้าเพื่อเพิ่มความยกกระชับ มักจะมีช่วงเวลาในความคงทนของผลลัพธ์อยู่ด้วย เช่น ทำแล้วจะได้กรอบหน้าอย่างที่เห็นประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี แล้วแต่การปฏิบัติตัว หลังจากนั้นก็ต้องกลับมาทำซ้ำอีกรอบ วนไปแบบนี้เรื่อยๆ หลายคนจึงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูดไขมันคางว่ามันจะคงอยู่ตลอดไปหรือมีช่วงเวลาจำกัดเช่นเดียวกัน

ดูดเหนียงไปแล้วก็มีไขมันสะสมกลับมาได้
ตรงนี้จะต้องขออธิบายอย่างละเอียดสักเล็กน้อย เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการดูดไขมันคางมีได้ 2 แบบ คือไม่มีไขมันกลับมาสะสมใต้คางอีกเลย หรือมีคางสองชั้นอีกครั้งแต่ไม่มากเท่าเดิม มันขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละคน กระบวนการดูดไขมันคางจะดึงเอาไขมันเก่าออกไป พร้อมกับทำให้เซลล์ไขมันเสียหายไปบางส่วน การที่ไขมันจะกลับมาสะสมในจุดเดิมจึงเป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ใส่ใจเรื่องอาหารและไม่มีการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานอย่างเหมาะสม สุดท้ายก็ต้องมีเหนียงอยู่ดี เพียงแค่ใช้เวลานานกว่าเดิม แล้วขนาดของเหนียงก็จะเล็กกว่าเดิมด้วย

แนวทางการปฏิบัติตัวหลังดูดเหนียงให้ลาขาดจากไขมัน
นอกจากการดูแลตัวเองในช่วงฟื้นฟูร่างกาย ที่คุณหมอแนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องหลังดูดไขมันคางไป เช่น ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ สวมผ้ารัดกระชับสัดส่วนตามช่วงเวลาที่กำหนด เป็นต้น ก็ต้องมีการบริหารจัดการเกี่ยวกับมื้ออาหารเสียใหม่ จะทานมากหรือน้อยก็ไม่สำคัญเท่ากับรับมาเท่าไรและใช้ออกไปเท่าไร ควรประเมินจากกิจกรรมในแต่ละวันของเราว่าต้องการพลังงานโดยรวมเท่าไร แล้วให้เลือกทานอาหารในปริมาณที่สอดคล้องกับความต้องการนั้น และพยายามลดของมันให้น้อยลง แต่ไม่ควรตัดอาหารประเภทไขมันออกไปเลย เพราะยังไงไขมันก็เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอยู่ดี ทางออกจึงเป็นการเลือกทานแต่ไขมันดี เช่น ไขมันปลา ไขมันจากพืชบางชนิด เป็นต้น ถ้าทำได้แบบนี้ก็การันตีได้เลยว่าเหนียงใต้คางจะไม่กลับมาอีกแน่นอน

ผลลัพธ์ของการดูดไขมันให้ได้ผลขึ้นอยู่กับการดูแลตนเอง หากดูแลดีก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีตามมา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน ควบคุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อไม่ให้มีไขมันส่วนเกินสะสม อยากมีโครงหน้าที่สวย กรอบหน้าชัด อิสสวีร์คลินิกมีทางออกมาให้สาวๆ ด้วยเทคนิคที่ปลอดภัย แพทย์มีความเชี่ยวชาญ โดยแพทย์ที่ issavee จะลงแผลเพียง 1-2 จุด ขนาดจุดละประมาณ 3 mm เท่านั้น และจะซ่อนอยู่บริเวณใต้คาง หรือหลังหู ทำให้มองไม่เห็นแผลเป็น อย่างไรก็ตามก่อนการรับการรักษา ควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ ปรึกษาแพทย์เพื่อสอบถาม และรับข้อมูลที่จำเป็นก่อนการผ่าตัดกันนะคะ